Home
รวมลิ้งค์
myfav
photo
guestbook
ส่งการ์ด
กระดาษข่าว
โคเคน
ยาบ้าหรือยาม้า
กัญชา
ใบกระท่อม
กระดาษเมา


View Guestbook
Sign Guestbook

ติดต่อคนทำเวบ

ยาเสพติด

  คลิกที่นี่เลยครับ

เชียงคำcmu
www.siammaxcyber.com สอนเขียนเวบ
เวบเมล์ เวบใหม่มาที่นี่
คอม-ไทย ดอทเน็ต
siammedic.com
ClubHP
siam.to/linkland

 

แอมเฟทามีนหรือยาบ้า

ยาบ้า  ยาม้า  ยาอันตราย

ตัวอย่าง

          ชายไทยอายุ 24 ปี อาชีพขับรถบรรทุกรับประทานแอมเฟทามีนวันละ 3 เม็ดเพื่อที่จะขับรถได้ตลอดคืน เป็นเวลานาน 3 เดือน เกิดอาการคลุ้มคลั่ง เอะอะวุ่นวาย นอนไม่หลับ หวาดกลัวคนจะมาทำร้าย ได้ยินเสียงคนหลายคนพูดจาขู่คุกคามจะเอาชีวิตและมองเห็นว่ามีคนถือมีดจะเข้ามาทำร้าย กลัวมาก ได้หลบหนีอยู่ในบ้าน มีพฤติกรรมรุนแรง น่ากลัว โดยถือมีดทำครัวไว้ป้องกันตัวภรรยาเข้าไปปลอบโยน แต่ผู้ป่วยไม่เชื่อฟัง คงยืนกรานว่าจะมีคนมาฆ่า แน่นอน เมื่อแจ้งไปที่ศูนย์วิทยุ และตำรวจเข้ามาล้อมบ้านผู้ป่วยยิ่งเกิดกลัว เพราะคิดว่าตำรวจเป็นคนร้ายที่เข้ามาในบ้านเพื่อทำร้านต้น พร้อมกับได้จับตัวบุตรชายอายุ 3 ขวบ ไว้เป็นตัวประกันเพื่อไม่ให้ตำรวจเข้ามาทำร้ายตน ภายหลังจากที่ตำรวจใช้เวลาปลอบโยนไม่ให้ผู้ป่วยกลัวอยู่เป็นเวลานาน 3 ชั่วโมง ผู้ป่วยจึงยอมปล่อยตัวบุตรชายและตำรวจเข้าจับตัวได้ นำตัวมารักษาที่โรงพยาบาล

ตัวอย่างนี้

           คือเป็นอาการของผู้เสพซึ่งเกิดอาการวิกลจริตขึ้นชั่วคราว โดยเป็นผลมาจากพิษของแอมเฟทามีน และเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์เป็นประจำ ผู้ป่วยดังกล่าวเมื่อได้รับการรักษาประมาณ 10 - 14 วัน อาการวิกลจริตก็จะหมดไป แต่ต้องให้การรักษาอาการติดแอมเฟทามีนต่อไป

ประวัติ

         การใช้ยากระตุ้นสมองมีมาเป็นเวลานานในประวัติศาสตร์แพทย์ชาวจีนได้ใช้มะเฮือง ( Ma – huang ) เป็นยารักษาโรคมานานกว่า 5 พันปี สารเคมีในพืชมะเฮืองคือ อีเฟดรีน ( ephedrine ) ดร. อีเดเลา ( Edellau ) เป็นผู้สังเคราะห์แอมเฟทามีนได้เป็นคนแรกในปี ค.ศ. 1876 และทราบเพียงว่ายามีฤทธิ์ขยายหลอดลม จนถึงปี ค.ศ. 1933 จึงเพิ่งทราบว่ายามีฤทธิ์กระต้นสมองด้วย โดยทำให้เกิดอารมณ์สนุกสนานหายอ่อนเพลีย เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน มีพละกำลัง และทำให้เบื่ออาหาร

การแพร่ระบาด

             มีการใช้ แอมเฟทามีนในสงครามโลกครั้งที่ 2 และในสงครามเวียดนาม เพื่อให้ทหารตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาในระหว่างอยู่ในสนามรบรวมทั้งมีพละกำลัง          ได้มีการแพร่ระบาดของแอมเฟทามีนในประเทศญี่ปุ่น สวีเดน และอเมริกา ในปี ค.ศ. 1950 และ 1960 ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวอัตราของพฤติกรรมรุนแรงของประชากร จะเพิ่มสูงขึ้นด้วย พร้อมกับมีพัฒนาการของวัฒนธรรมของการเสพย์ยา (speed culture) ในช่วงนั้นพบว่าผู้เสพแอมเฟทามีนจำนวนหนึ่งจะเป็นผู้ติดเฮโรอีนอยู่ก่อน และได้รับแอมเฟทามีนดีกว่าเนื่องจาก
  1. ราคาถูก
  2. หาง่าย
  3. ไม่ผิดกฎหมาย และ
  4. ทำให้มีพละกำลังสามารถไปก่อเหตุวุ่นวายหรือก่อการจลาจลตามถนนได้รุนแรง แต่ภายหลังต่อมาผู้เสพเกิดอาการวิกลจริตกันมาก เช่น หวาดระแวงว่ามีคนจะมาทำร้าย จึงทำให้จำนวนผู้เสพลดลง
         ในช่วงปี ค.ศ. 1960 ถึง 1970 ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้มีการใช้แอมเฟทามีน กันเป็นจำนวนมาก โดยมีวัตถุประสงค์ต่าง ๆ กัน เช่น ทำให้เบื่ออาหารและหายอ่อนเพลีย มีชาวอเมริการ้อยละ 6-8 เสพสารนี้ในยุคนั้น         ในช่วงนั้นได้มีการเคลื่อนไหวครั้งยิ่งใหญ่ของพวกฮิปปี้ในประเทศสหรัฐอเมริกาใน การเสพสารแอมเฟทามีนอย่างผิดกฎหมาย โดยก่อนหน้านั้นเสพกัญชา และได้เปลี่ยน แอมเฟทามีน ผู้ที่เข้ามาร่วมกลุ่มในระยะแรกจะเสพเป็นครั้งคราว แต่ในระยะหลังจะเสพ ตลอดเวลาและขนาดสูง         ในชุมชนเหล่านี้จะพากันไปเสพที่ “บ้านแห่งความสุข และ สนุกสนาน” (flash houses) ผู้ที่มาชุมนุมกันในบ้านจะมีจำนวนมาก แต่ละคนจะฉีดแอมเฟทามีน เข้าหลอดเลือดดำต่อเนื่องเป็นเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเตือน จนกระทั่งมีอาการอ่อน เพลียและหวาดระแวงอย่างมาก และก่อให้เกิดพฤติกรรมรุนแรงซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง

“การแพร่ระบาดของยาเสพย์ติดในประเทศไทย”

รูปแบบของสาร

         การเสพมี 3 วิธีคือรับประทาน ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ และสูดดม (methamphetamine) ส่วนชนิดเป็นผลึกนั้นมีชื่อเรียกกันว่า “ผลึกน้ำแข็ง” ( ice ) เสพโดยการสูดดม ออกฤทธิ์เร็วมากและเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เป็นชนิดที่กำลังแพร่หลายในประเทศสหรัฐอเมริกา

อาการ

  1.        อาการพิษของสาร ผู้เสพจะมีอาการคล้าย ๆ เสพโคเคนแต่อาการมีอยู่นานกว่า โดยเกิดอารมณ์ครึกครื้นสนุกสนาน พูดมากชอบพบปะผู้คน ทำโน่นทำนี่ตลอดเวลา กระวนกระวาย ภาวะตื่นตัวสูง อารมณ์อ่อนไหว วิตกกังวล เครียด รู้สึกตัวเองมีความสำคัญมากโกรธง่าย ชอบพาลหาเรื่องทะเลาะวิวาท การตัดสินใจเสียและนอนไม่หลับ         ผู้ที่เสพขนาดสูงจะมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง มีความคิดหวาดระแวง ว่ามีคนจะทำร้ายและหวาดกลัว มีหูแว่วได้ยินเสียงคนพูดขู่ต่าง ๆ นา ๆ และกระวนกระวาย โดยอาการเหมือนคนวิกลจริตชนิดโรคจิตเภท         ผู้ป่วยจะมีอาการทางกายดังนี้ หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง ม่านตาขยาย เหงื่อออกมาก คลื่นไส้อาเจียน ปวดกล้ามเนื้อ หายในช้า เจ็บหน้าอก สับสน อาจมีอาการชักและหมดสติ ( coma )         อาการดังกล่าวจะปรากฏภายในเวลา 1 ชั่วโมง หลังจากเสพยาแต่ถ้าเสพแบบสูดดมหรือฉีดเข้าหลอดเลือดดำ อาการจะปรากฏเร็วในเวลาเป็นวินาที
  2.        อาการขาดสาร มีความรู้สึกไม่สบาย อ่อนเพลีย ฝันร้าย นอนไม่หลับ รับประทานจุ อยากเสพยาและเชื่องช้า อารมณ์จะเฉยชาไม่ยินดียินร้าย ผู้ที่มีอาการขาดยารุนแรงจะมีอารมณ์เศร้า เบื่อหน่ายชีวิตท้อแท้ใจ มีความคิดอยากตายและบางรายฆ่าตัวตายสำเร็จ

อันตรายและพิษของสาร

  1. อาการวิกลจริต หวาดระแวงว่ามีคนคอยทำร้าย ได้ยินเสียงข่มขู่ต่าง ๆ มีภาพหลอนและหวาดกลัวอย่างมาก
  2. มีอาการเศร้า เบื่อหน่ายชีวิต คิดฆ่าตัวตายและฆ่าตัวตาย
  3. ได้รับบาดเจ็บ เนื่องมาจากอุบัติเหตุหรือการทะเลาะวิวาท
  4. ติดโรคเอดส์โดยเฉพาะเสพโดยการฉีดยา
  5. เป็นโรคหัวใจ เช่น หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอและอาจเสียชีวิต
  6. มีอาการชัก แบบโรคลมบ้าหมู
  7. หมดสติ ( coma )
  8. ซีด น้ำหนักลด ขาดอาหารและไม่แข็งแรง เป็นโรคติดเชื้อง่ายโดยเฉพาะวัณโรคปอด

การรักษา

  1. อาการวิกลจริต รักษาโดยให้ยาต้านโรคจิตคือ ฮาโลเพอริดัล
  2. ให้ยาต้านเศร้าเพื่อรักษาอาการซึมเศร้า
 

Click here to visit our sponsor
Valuesponsor Advertising Network
สนับสนุนป้ายสปอร์นเซอร์ของผมด้วยครับ