ประวัต โคเคนเป็นสารเสพติดซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีเมื่อประมาณ 600 ปี ที่ผ่านมา โดยในสมัยอินคา(Incas) ซึ่งเป็นคนพื้นเมืองของเปรูมีความเชื่อถือว่าโคเคนเป็นสารซึ่งพระเจ้าประทานมาให้ แต่ในยุคปัจจุบัน โคเคนคือ สารมฤตยูจากนรก เพราะได้ทำลายมนุษย์ทั้งร่างกายและจิตใจรวมทั้งทำให้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
ประเทศสหรัฐอเมริกามีการเสพโคเคนกันมากตั้งแต่ ค.ศ. 1990 ประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนนี้ใช้ แคร็ก (crack) ซึ่งเป็นโคเคนแห้งเสพโดยการสูบ และเป็นสารเสพย์ติดที่เป็นอันตรายมากที่สุดชนิดหนึ่ง นอกจากนี้ยังพบอีกกว่าร้อยละ 10 ของเด็กอเมริกาอายุระหว่าง 9-12 ปี ตอบแบบสำรวจว่าสามารถหาโคเคนมาได้โดยง่าย
ประมาณว่ามีการลักลอบนำโคเคนเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาปีละ 80 ตัน จากประเทศอเมริกาใต้ โดยเฉพาะประเทศโคลัมเบีย ซึ่งเป็นประเทศที่ผลิตโคเคนโดยสังเคราะห์จากใบโคคามากที่สุด
การแพร่ระบาด
ปริมาณโคเคนที่ชาวอินคาเคยเสพอยู่ในระดับต่ำ ประมาณว่าชาวอินคาเสพโดยการเคี้ยวใบโคคาวันละ 60 กรัม สารอัลคาลอยด์มีอยู่ในใบโคคาเพียงร้อยละ 0.5 ดังนั้นจะเป็นสารโคเคนเท่ากับ 200 300 กรัม
เรื่องราวเกี่ยวกับโคเคนได้แพร่ไปถึงยุโรปโดยคำบอกเล่าของนักล่าอาณานิคม และในปี ค.ศ. 1860 ผู้จำหน่ายไวน์และเครื่องดื่มชูกำลังในยุโรปได้เติมโคเคนเข้าไปด้วย ในเวลา 15 ปี ต่อมาคนทั่วไปสามารถหาซื้อผงโคเคนบริสุทธิ์มาเสพได้โดยง่าย ทำให้มีการเสพโคเคนเป็นประมาณสูงมากวันละ 200 1,000 มิลลิกรัมต่อคน ซึ่งมากกว่าประมาณในสมัยชาวอินคาเสพถึง 5 8 เท่า
ในปี ค.ศ. 1884 ฟรอยด์ ได้เขียนบทความทางวิชาการบรรยายสรรพคุณของโคเคนไว้มากมาย โดยเขียนว่าโคเคนเป็นยากระตุ้นสมองและอารมณ์ทางเพศ เป็นยาชาเฉพาะที่ รักษาโรคหอบหืดอาการหมดแรง และโรคอื่นอีกหลายอย่าง อนึ่งฟรอยด์เองก็เสพโคเคนวันละ 200 มิลลิกรัม ต่อมาภายหลังจึงประกาศวว่าโคเคนเป็นสารเสพย์ติดร้ายแรง
ปี ค.ศ. 1914 ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้มีการออกกฎหมายห้ามจำหน่ายโคเคนโดยเสรี ต่อมาในปี ค.ศ.1930 ได้มีการค้นพบแอมเฟทามินรวมทั้งยากระตุ้นสมองชนิดอื่น และยาดังกล่าวได้เข้ามาแทนที่โคเคน เนื่องจากราคาถูกและหาได้ง่ายกว่า นอกจากนี้ยังทำให้ผู้เสพมีอารมณ์ร่าเริงนานกว่าโคเตน แต่ในปี ค.ศ. 1960 ผู้เสพก็ได้ทราบถึงอัตรายอันร้ายแรงของแอมเฟทามีนและได้ตั้งฉายาไว้ว่า ยามรณะ (speed kill) ทำให้แอมเฟทามีนถูกจัดเป็นยาเสพย์ติดให้โทษร้ายแรงเช่นเดียวกับโคเคน
ปี ค.ศ. 1970 ได้มีการใช้โคเคนกันมากขึ้นอีก โดยเฉพาะในหมู่ชนชั้นสูงและชั้นกลาง และนิยมเสพโดยการสูดดม โดยมีความเชื่อว่าโคเคนปลอดภัยและไม่เสพติด
ปี ค.ศ. 1980 ได้มีโคนเคนชนิดใหม่ออกมาจำหน่ายเรียกว่า แคร็ก (crack) เป็นโคนเคนแข็ง เสพโดยการสูบและมีราคาถูกกว่าโคนเคนผงมาก ทำให้ผู้เสพซึ่งอายุยังน้อยสามารถหามาเสพได้
ผู้เสพแคร็กมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้